วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

วันที่ 17 ก.ย. 2555

วันที่ปวดหัวมากกกกก สอบตั้ง2วิชา ยากมาก คะแนนก็มาก
แต่เรียนสบายยยยยยย
วันที่ 16 ก.ย. 2555

วันที่ต้องเรียนอีกวัน เบื่อจังเลย การบ้านก็มาก ต้องเรียนอีกเบื่อๆๆๆๆ
กลับถึงบ้านก็ต้องอ่านหนังสือสอบวันพรุ่งนี้อีก
วันที่ 15 ก.ย. 2555

ได้ไปงานเลี้ยงด้วย ดีจังมีคนมากมาย และยังไปเที่ยวอีกหลายที่
วันนี้สนุกการเมื่อวานอีกอยู่ข้างนอกดีกว่ามาก
ถึงบ้านก็อยู่หน้าคอม สบายยยยยยยยยยยย
วันที่ 14 ก.ย. 2555

วันนี้น่าเบื่อมาก อยู่บ้านอย่างเดียวเลย อยากไปข้างนอก
อยู่แต่หน้าคอมทั้งวัน เบื่่อๆๆๆๆๆๆๆ รอแต่วันพรุ่งนี้ จะไปกทม.

วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555


หุ่นสวยด้วย 6 ความลับที่ช่วยให้คุณผู้หญิงมีรูปร่างดี

หุ่นสวยด้วย 6 ความลับที่ช่วยให้คุณผู้หญิงมีรูปร่างดีไม่ว่าคุณผู้หญิง คนไหนก็อยากมีหุ่นสวยและมีสุขภาพดีแทบทั้งนั้น แต่กว่าจะไปถึงขั้นนั้นได้นี่สิ สารพัดเคล็ดลับที่ขุดออกมาใช้ก็ยังไม่ได้ผลเสียที เอ...หรือว่าจริง ๆ แล้ว คุณผู้หญิง กำลังบริหารรูปร่างของตัวเองผิดวิธีหรือเปล่านะ วันนี้เราจึงมี 6 เคล็ดลับเกี่ยวกับการบริหารรูปร่างให้ฟิตแอนด์เฟิร์มมาบอกกัน

 1.หยุดขี้เกียจ ไปออกกำลังกายซะ

          ความเบื่อและขี้เกียจไปออกกำลังกายเป็นอุปสรรคใหญ่ในการมีรูปร่างที่สวยงาม แม้ว่าคุณจะทานอาหารที่เปี่ยมไปด้วยประโยชน์ หรือหลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง แต่หากคุณไม่คิดถึงการออกกำลังกายเลย รับรองว่าทั้งต้นแขน หน้าท้อง สะโพก รวมทั้งต้นขาของคุณไม่มีทางแบนราบได้แน่ ๆ ค่ะ ส่วนการใช้ยาลดความอ้วน หรืออาหารเสริมนั้น ก็ช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้ในช่วงสั้น ๆ เท่านั้น แถมยังทิ้งผลข้างเคียงไว้ในระยะยาวอีกต่างหาก

          พูดมาเสียขนาดนี้ ก็คงต้องหันไปคิดเรื่องการออกกำลังกายบ้างแล้วล่ะค่ะ ไม่จำเป็นต้องไปเข้าฟิตเนสเป็นชั่วโมง ๆ หรอก แค่เจียดเวลาสัก 10-30 นาที มาออกกำลังกายก็ช่วยได้แล้ว หรือจะเลือกวิธีออกกำลังกายง่าย ๆ อย่างเช่น การเดิน แล้วก็ค่อย ๆ เพิ่มระยะทางขึ้นไปเรื่อย ๆ ก็จะช่วยให้คุณใช้พลังงานได้มากขึ้น และไขมันก็จะถูกเบิร์นออกไปได้ด้วย

          และสำหรับสาวทำงานที่มักบ่นว่าไม่มีเวลา เราขอแนะนำให้คุณหาเวลาสัก 10 นาที ลุกขึ้นมาเดินเล่นหลังรับประทานอาหารกลางวันบ้าง ดีกว่ากลับไปนั่งเฉย ๆ ที่โต๊ะทำงาน รู้ไหมคะว่า การเดินวันละ 10,000 ก้าว (เทียบได้กับการเดินเร็ว ๆ ประมาณ 20 นาที) จะช่วยให้คุณใช้พลังงานไปมากกว่า 500 กิโลแคลอรีเลยทีเดียว ว้าว! ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมล่ะ

 2.ห้ามอด!!! ต้องทานให้ครบ 3 มื้อ

          หลายคนเข้าใจว่า การไดเอทแบบอดอาหารจะช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้อย่างรวดเร็ว และส่วนใหญ่สาว ๆ มักจะอดอาหารมื้อเช้าเสียด้วย โดยให้เหตุผลว่า "ไม่มีเวลาทาน" หรือไม่ก็คิดว่า "เดี๋ยวก็ทานมื้อเที่ยงแล้ว" ทำให้สาว ๆ หลายคนยอมอด แล้วปล่อยให้ท้องหิวจนลืมตัวส่งผลให้ทานอาหารมากกว่าปกติในมื้อต่อไป ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกขี้เกียจ และง่วงนอนในตอนบ่ายไปเสียอีก

          วิธีนี้ไม่ดีต่อการรักษาหุ่นสวยของคุณสาว ๆ แน่นอนค่ะ เพราะเมื่อใดก็ตามที่คุณได้ทานอาหารหลังจากอดมื้อใดมื้อหนึ่งมา ร่างกายของคุณจะยิ่งสั่งให้คุณทานเข้าไปเรื่อย ๆ เพื่อชดเชยสารอาหารที่เสียไป และเก็บพลังงานสะสมไว้มากเท่าที่จะมากได้ ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่า ยิ่งคุณอดก็จะยิ่งทำให้คุณอ้วนขึ้นง่ายกว่าเดิมเสียอีก

          เช่นนั้นแล้ว วิธีที่ดีที่สุดเลยก็คือ ควรทานอาหารให้ครบทั้ง 3 มื้อค่ะ แต่อาจลดปริมาณลง หรือแบ่งส่วนเล็ก ๆ ไว้ทานระหว่างวันทุก ๆ 3-4 ชั่วโมง โดยเลือกอาหารจำพวก โยเกิร์ตไขมันต่ำ ผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดน้อยเกินไปนั่นเอง

 3.ออกกำลังกายเฉพาะส่วน ไม่ใช่ทางที่ดีที่สุด

          เชื่อเถอะว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่มักมีปัญหาที่ต้นขา หน้าท้อง สะโพก และต้นขาเหมือน ๆ กัน โดยเฉพาะสาวออฟฟิศที่พบได้บ่อยกว่าเพื่อน เพราะแทบไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกายนั่นเอง ฉะนั้นแล้ว การออกกำลังกายเฉพาะส่วนก็มักเป็นวิธีที่สาว ๆ เลือกบริหารเพื่อช่วยให้ร่างกายบริเวณนั้นฟิตแอนด์เฟิร์มมากขึ้น

          แต่รู้ไหมว่า การที่เราออกกำลังกายแบบโฟกัสเฉพาะส่วน ไม่ว่าจะเป็นการซิทอัพเพื่อลดหน้าท้อง หรือการเล่นสควอชเพื่อให้ต้นขาเฟิร์ม อาจจะไม่มีประสิทธิภาพพอที่จะเบิร์นไขมันส่วนเกิน และทำให้รูปร่างคุณดีขึ้น เนื่องจากการที่จะกำจัดไขมันส่วนเกินออกไปนั้นจำเป็นต้องออกกำลังกายประเภท ที่เสริมสร้างความแข็งแรงให้หัวใจ และออกกำลังกายในทุก ๆ ส่วนร่วมกับการควบคุมอาหาร

          ดังนั้น ใครที่มุ่งเน้นการออกกำลังกายแบบเฉพาะส่วนแล้วรู้สึกว่าไม่ได้ผลดังใจ เราขอแนะนำให้คุณหาเวลามาออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง และให้ออกกำลังกายเฉพาะส่วนแบบที่คุณถนัดสักครึ่งชั่วโมงเป็นเวลา 2 ครั้งต่อสัปดาห์

 4.เบิร์นแคลอรีง่าย ๆ แค่ 15 นาทีเท่านั้นเอง

          "ไม่มีเวลาออกกำลังกาย" เป็นเหตุผลง่าย ๆ ที่คนมักอ้างเวลาขี้เกียจ แต่ความจริงแล้ว เราไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากมายหลายชั่วโมงก็ออกกำลังกายได้ เพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้นก็เพียงพอที่จะกำจัดแคลอรีส่วนเกินออกไปได้แล้วล่ะค่ะ โดยคุณอาจแบ่งช่วงเวลาออกกำลังกายออกเป็น 2-3 ครั้งในหนึ่งวัน แต่รวมกันให้ได้สัก 30 นาที ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วล่ะ

          ยกตัวอย่าง คุณอาจวิ่งขึ้นลงบันได หรือกระโดดเชือกหลังจากตื่นนอน สัก 15 นาที เมื่อไปทำงาน หลังทานอาหารเที่ยง คุณก็อาจจะลุกขึ้นมาเดินเล่นสัก 15 นาที หรือจะเลือกเต้นแอโรบิก, แอโรบ็อกซิ่ง สัก 15 นาที หรือกระทั่งเหงื่อออกก็ยังไหว แค่นี้คุณก็ออกกำลังกายได้วันละ 45 นาทีเข้าไปแล้วนะ ถ้าคุณทำแบบนี้ได้สัปดาห์ละ 5 ครั้ง ร่วมกับการควบคุมอาหาร รับรองว่า ภายใน 2 เดือน คุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับตัวเองแน่ ๆ ขอบอก

 5.ออกกำลังกายให้หนักขึ้น

          สำหรับคนที่ห่างหายจากการออกกำลังกายมานานเหลือเกิน เมื่อถึงเวลาที่คุณจะกลับไปออกกำลังกายอีกครั้ง คงจะรู้สึกเหนื่อยไวขึ้น แต่หลังจากออกกำลังกายได้ระยะหนึ่งแล้ว ร่างกายของคุณจะเริ่มคุ้นเคยมากขึ้น ส่งผลให้การทำงานของหัวใจและปอดดีขึ้นไปด้วย

          เช่นนั้นแล้ว ถึงเวลาที่คุณต้องออกกำลังกายให้หนักขึ้น เพื่อสร้างกล้ามเนื้อ ช่วยให้หัวใจแข็งแรงขึ้น และกระตุ้นให้แคลอรีถูกกำจัดออกไปให้มากขึ้นกว่าเดิม แต่ไม่ได้หมายถึงให้คุณออกกำลังกายมากเกินไปทีเดียวนะคะ ควรเพิ่มปริมาณการออกกำลังกายทีละเล็กน้อย เช่น เพิ่มเวลา เพิ่มระยะทาง ตั้งเป้าให้สูงขึ้น แล้วค่อย ๆ ทำอย่างระมัดระวัง เพื่อให้อัตราการเต้นของหัวใจอยู่ระหว่าง 120-150 ครั้งต่อนาทีเป็นเวลาต่อเนื่องประมาณ 20 นาที จะช่วยให้คุณแข็งแรงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

 6.ระวังอาการบาดเจ็บ

          อาการบาดเจ็บสามารถเกิดขึ้นได้ทุก ๆ ที่ และทุกเวลา โดยเฉพาะเมื่อคุณออกกำลังกาย ซึ่งสาเหตุที่ทำให้คุณบาดเจ็บอาจมาจากการใช้กล้ามเนื้อมากเกินไปนั่นเอง เพราะฉะนั้นแล้ว ก่อนที่จะออกกำลังกายทุกครั้ง ก็ควรยืดกล้ามเนื้อเสียก่อน เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อม และช่วยให้ร่างกายยืดหยุ่นมากขึ้น แถมยังช่วยลดความเสี่ยงจากอาการบาดเจ็บที่อาจจะเกิดขึ้นได้ด้วย

          นอกจากนี้ สิ่งที่ไม่ควรลืมก็คือ ควรประเมินขีดจำกัดของร่างกายตัวเองไว้ด้วยค่ะ เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกเหนื่อยมาก จนเจ็บ-ปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง นั่นเป็นสัญญาณว่าคุณควรหยุดทันที หากยังฝืนออกกำลังกายต่อไป อาจจะยิ่งทำให้อาการบาดเจ็บรุนแรงขึ้น เช่น กล้ามเนื้ออักเสบ เส้นเอ็นอักเสบ หรือขาดได้เลยทีเดียว

          สำหรับคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน ควรเปลี่ยนไปออกกำลังกายในรูปแบบอื่น ๆ ให้มีความหลากหลายเพิ่มขึ้น ไม่ควรออกกำลังกายประเภทเดียวกันซ้ำ ๆ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณวิ่งออกกำลังกายมาตลอด ก็ควรเปลี่ยนไปเล่นกีฬา หรือออกกำลังกายอย่างอื่นบ้าง เพราะการวิ่งจะช่วยบริหารเฉพาะกล้ามเนื้อขาเท่านั้น แต่ควรหันไปบริหารกล้ามเนื้อส่วนอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงในร่างกายมากขึ้นด้วยค่ะ
ที่มา kapook.com

6 เหตุผลที่คุณผู้หญิง ทุกคนควรแต่งหน้า

ผู้หญิงกับ เรื่องความสวยความงามนั้นเป็นสิ่งที่คู่กันมาตั้งแต่เกิด วิถีชีวิตของผู้หญิง รักสวยรักงามหลาย ๆคน จึงเกี่ยวพันกับเครื่องสำอางมากมายชนิดที่เรียกว่าสนิทแนบแน่นจนขาดไม่ได้ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ก็ยังมีผู้หญิง อีกหลายต่อหลายคนที่ไม่สนใจที่จะแตะต้องเครื่องสำอางเลย ไม่ว่าจะด้วยความขี้เกียจเอย แต่งหน้าไม่เป็นบ้างเอย แหม่ ฟังแล้วก็เสียดายแทนมาก ๆ เลยล่ะ เกิดเป็นผู้หญิงทั้งที ต้องอย่าหยุดสวย  เราจะชวนผู้หญิงที่ไม่ใส่ใจความสวยความงามของตัวเอง มาแต่งหน้ากันดีกว่าค่ะ เพราะการแต่งหน้านั้นให้อะไรได้มากกว่าความสวยความงามเยอะจริง ๆ เอ้า.. เดี๋ยวจะหาว่าโม้ ไปดูกันเลยดีกว่าว่าการแต่งหน้านั้นให้อะไรกับคุณผู้หญิงบ้าง

          1. สวย ง่าย ๆ สั้น ๆ แต่การันตีว่าจริงยิ่งกว่าจริง เพราะเพียงแค่คุณมีเครื่องสำอางซักชนิดบนใบหน้าไม่ว่าจะเอาไปแต่งแต้มส่วน ไหน มันจะทำให้ใบหน้าโทรม ๆ จืด ๆ ของคุณค่อย ๆ ดูดี มีชีวิตชีวาขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ และยิ่งสาว ๆ คนไหนพร้อมจะเมคอัพ "จัดเต็ม" นี่ไม่ต้องพูดถึง เพราะมันจะเปลี่ยนคุณเป็นคนละคนเลยล่ะ

          2. เครื่องสำอางนั้นช่วยปกป้องผิวพรรณจากแสงแดดและมลภาวะ ไม่ว่าคุณจะใช้แค่ครีมรองพื้นบาง ๆ หรือครีมบำรุงผิวทาลงไปแค่ชั้นเดียวบนใบหน้า ตามด้วยแป้งอีกเล็กน้อย ผิวคุณจะมีเกราะป้องกันที่ช่วยกรองแสงแดดและมลภาวะแล้วค่ะ แม้จะบางเบาก็ตาม

          3. เครื่องสำอางสามารถเนรมิตความเนียนบนใบหน้าได้ง่ายและรวดเร็ว สาว ๆ หลายคนพอพูดถึงการแต่งหน้ามักจะคิดว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก ใช้เวลานาน แต่อยากจะบอกว่าการทำให้ใบหน้าเนียนสวยมีสีสันนิดหน่อยนั้นไม่ได้ใช้เวลานาน เลยค่ะ เพียงแค่สาว ๆ แตะรองพื้น ลงแป้งบาง ๆ ปัดบลัชออน ทาลิปสติก เขียนคิ้วนิดหน่อย ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที คอนเฟิร์มจ้า

          4. สนุกสนาน เพราะ การแต่งหน้านั้นสามารถทำได้หลากหลายสีสัน หลายรูปแบบ จึงไม่แปลกที่สาว ๆ จะรู้สึกสนุกสนานกับการแต่งหน้าในแต่ละวัน เปลี่ยนลุคของตัวเองหลังจากแต่งหน้าทุกครั้ง ยิ่งถ้ามีของเล่นอื่น ๆ อย่างเกล็ดเพชร สีเพ้นท์ต่าง ๆ ที่จะแต่งหน้าไปงานโอกาสต่าง ๆ ขอบอกว่าสนุกใหญ่เลยล่ะ

          5. คลายเครียด ในช่วงเวลาที่สาว ๆ รู้สึกเบื่อหรือเซ็ง หรืออยู่ระหว่างรอใครบางคนอยู่ การแต่งหน้าถือเป็นกิจกรรมแก้เครียดที่ทำให้ลืมเรื่องราวหลาย ๆ อย่างไปได้ช่วงหนึ่งเลยทีเดียวล่ะ ก็แหงล่ะ เพราะเวลาที่สาว ๆ แต่งหน้า สมาธิและความสนใจทั้งหมดก็เทลงมาอยู่ที่หน้าตาที่สะสวยของตัวเองนี่นา

          6. หน้าสะอาดใสหมดจดขึ้น ไม่ เชื่อก็ต้องเชื่อว่าสาว ๆ ที่แต่งหน้าหลายคนมักจะมีใบหน้าที่สะอาดใสกว่าสาว ๆ ที่ไม่แต่งหน้า นั่นเพราะว่าสาว ๆ ที่แต่งหน้ามักจะกังวลถึงความสะอาดหมดจดของใบหน้าก่อนนอนมากกว่าสาว ๆ ที่ไม่แต่งหน้าเสมอ เพราะกลัวสิวจะขึ้นจากเครื่องสำอางตกค้างบ้างล่ะ ความมันอุดตันบ้างล่ะ ก็พูดง่าย ๆ เลยว่า ถ้าสาว ๆ ได้แต่งหน้าแล้ว เมคอัพบนใบหน้าจะบังคับให้สาว ๆ ได้ทำความสะอาดผิวหน้ากันอย่างละเอียดอ่อนมากขึ้นค่ะ
ที่มา kapook.com


มาดู 10 วิธีเก๋ๆ! ที่ช่วยลดความอ้วนแบบง่าย ๆ

วันนี้จะขอนำคุณผู้หญิง คนไหนก็อยากมีหุ่นดี ที่สำคัญหน้าท้องต้องแบนราบ เพราะเวลาจะใส่ชุดไหน จะได้มั่นใจว่าสวยชัวร์ ๆ (ไม่มีห่วงยางน้อย ๆ โผล่ออกมาโดยไม่ได้รับเชิญ อิอิ) และหากคุณคือคนที่ต้องการลดขนาดรอบเอว ลดความอ้วนและอยากมีหน้าท้องที่แบนราบเรามี 10 วิธีเก๋ๆ! ที่ช่วยลดพุงแบบง่าย ๆ


          1.บอกลาอาหารจังก์ฟู้ดส์ เพราะอาหารจังก์ฟู้ดส์เหล่านี้ มักมีทั้งน้ำตาล และไขมันอิ่มตัวเป็นส่วนประกอบแทบทั้งนั้น

          2.น้ำตาลคือจอมวายร้าย เพราะฉะนั้นเลือกทานอาหารประเภทซูการ์ฟรีซะ มันช่วยทำให้หน้าท้องของคุณลดลงได้

          3.หลีกเลี่ยงอาหารประเภทแป้งขัดขาว ขนมปังขัดขาว พาสต้า โดนัท เค้ก และบิสกิต เพราะอาหารเหล่านี้จะทำให้คุณอ้วนขึ้น แถมยังส่งผลเสียต่อระบบย่อยอาหารด้วย และยังทำให้เกิดไขมันเก็บสะสมในร่างกายอีกต่างหาก

          4.อย่ากินขนมตอนกลางคืน นั่นก็เพราะการรับประทานขนมตอนกลางคืน จะทำให้คุณไม่สามารถเผาผลาญไขมันออกไปได้ เพราะช่วงกลางคืนเราทานแล้วก็นอน แทบไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรที่เผาผลาญพลังงานอีกแล้วนั่นเอง

          5.เปิดไฟนอน เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้มีการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า การนอนหลับในห้องที่เปิดไฟ จะมีช่วยลดความอยากอาหารได้มากกว่านอนในสภาพบรรยากาศมืด ๆ ซึ่งแน่นอนว่า มันเกี่ยวข้องกับขนาด "พุง" ของคุณอย่างไม่ต้องสงสัย

          6.ออกกำลังกายลดความอ้วน คำแนะนำที่ดีที่สุดสำหรับคนที่อยากลดน้ำหนัก กำจัดพุง ก็คือ การออกกำลังกายนี่เอง เพราะมันจะช่วยเผาผลาญไขมัน และน้ำหนักให้คุณได้

          7.ดื่มชาเขียว วันละ 3-4 แก้ว เพราะมันจะช่วยให้การออกซิเดชั่นไขมันดีขึ้น เร่งอัตราการเผาผลาญในร่างกาย แถมยังสามารถลดคอเลสเตอรอลได้อีกต่างหาก

          8.เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการดื่มน้ำผึ้งผสมน้ำมะนาวอุ่น ๆ รับรองว่าเวิร์ก

          9.อย่าปล่อยให้หิว เพราะหากยิ่งปล่อยให้หิว ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความอยากอาหารจะยิ่งหลั่งออกมา และหากคุณกินตามใจฮอร์โมน น้ำหนักเพิ่มขึ้นแน่นอน

          10.ลดทานเค็ม นั่นก็เพราะการทานอาหารรสเค็มจัดเกินไปเป็นสาเหตุให้ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้อง กับความอ้วน และน้ำหนักในเด็กผู้หญิงเปลี่ยนแปลงได้
ที่มา kapook.com